เทคโนโลยีเว็บแอปพลิเคชั่น (Web Application Technology) ยุคใหม่
เทคโนโลยีเว็บแอปพลิเคชั่น Web Application เป็น เทคโนโลยีแอปพลิเคชั่นโปรแกรมประเภทหนึ่ง ที่ถูกจัดเก็บและเข้าถึงจากเซอฟ์เวอร์ (Web Server Side) ผ่านการโต้ตอบจากเว็บบราว์เซอร์ (Web Broser) ซึ่งมีเว็บเซอร์วิสต่างๆ ให้บริการกับผู้ใช้งาน ด้วยระบบเว็บไซต์ ซึ่งภายในเว็บไซต์ จะประกอบไปด้วย เอกสารเว็บที่รวมรวบไว้ตามวัตถุประสงค์ของเจ้าของหรือผู้พัฒนา เว็บแอปพลิเคชั่น ได้แก่ E-commerce Social Media Webmail เป็นต้น
ตัวอย่างของเทคโนโลยีเว็บแอปพลิเคชั่น
- Web Mail เว็บแอปพลิเคชั่นประเภทนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานสำหรับบุคคลทั่วไป และองค์กรในการเข้าถึง E-mail และเครื่องมือสื่อสร้าง รวมไปถึงการทำงานร่วมกันภายในองค์กร อาจจะมีการสื่อสารผ่าน Video Meet ในการประชุม นอกจากนี้ยังมีตารางเวลากิจกรรมภายในองค์ เป็นต้น เพื่อให้องค์กรและบุคคลภายในองค์ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สะดวกในการควบคุมการทำงาน เช่น google mail เป็นเว็บแอปพลเคชั่นซึ่งพัฒนาขึ้นโดยบริษัท google และอีกหลายบริษัทก็มีเว็บแอปพลิเคชั่นในลักษณะนี้
- E-Commerce เป็นเว็บแอปพลิเคชั่นที่เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าและบริการบนโลกออนไลน์ ถูกใช้เพื่อในการค้นหาสินค้า สั่งซื้อสินค้า และโต้ตอบกับผู้จำหน่ายได้โดยตรงได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น Amazon Shoppy Lazada ที่เน้นเพื่อนำเสนอสินค้า ขายสินค้า ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้กับร้านค้า หรือ บริษัทที่จัดจำหน่ายสินค้า
- Social Media
- Online Banking
- Content management System
- Project management Tools
- Work Plance Collaboration
ประโยชน์ของเทคโนโลยีเว็บแอปพลิเคชั่น
แอปพลิเคชันเว็บมีประโยชน์มากมาย ประโยชน์ทั่วไปบางประการมีดังต่อไปนี้:
- ความเข้ากันได้กับหลายแพลตฟอร์ม (Compatibility with multiple platforms) ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บแอปพลิเคชันเวอร์ชันเดียวกันได้จากเบราว์เซอร์ต่างๆ และบนอุปกรณ์ต่างๆ ที่แตกต่างกันได้ เช่น เดสก์ท็อป โทรศัพท์มือถือ และแล็ปท็อป
- การบำรุงรักษาต่ำ (Low maintenance) ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอปและไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษา เว็บแอปจะได้รับการอัปเดตอัตโนมัติซึ่งรับประกันว่าแอปจะได้รับการอัปเดตอยู่เสมอพร้อมใช้งานเสมอในรูปแบบและเวอร์ชั่นที่เป็นปัจจุบัน ลดรายจ่าย กำลังคนในการติดตั้ง อัปเดต และบำรุงรักษา
- ความสามารถในการปรับขนาด (Scalability) ระบบเว็บแอปพลิเคชั่นสามารถที่ปรับปรุงระบบได้ตลอดเวลา สำหรับการขยายการให้บริการเพิ่มเติมในภายหลังโดยไม่กระทบต่อระบบการใช้งานของผู้ใช้ เพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นได้ เพื่มความยึดหยุ่นในการดำเนินการทางธุรกิจ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของระบบ
- การรักษาความปลอดภัยขั้นสูง(Enhanced security) เว็บจำนวนมากมีมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่นการเข้ารหัสและการตรวจสอบผู้ใช้ที่ปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
- การทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น (Improved collaboration) เว็บจำนวนมากรองรับการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้หลายคนสามารถทำงานในโปรเจ็กต์เดียวกันได้พร้อมกัน และอาจมีประโยชน์มากสำหรับทีมงานที่กระจัดกระจายกันทางภูมิศาสตร์
- การพัฒนาที่คุ้มต้นทุนการพัฒนา(Cost-effective development) เว็บอาจคุ้มต้นทุนมากกว่าเมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปแบบดั้งเดิม เนื่องจากมักต้องมีการลงทุนเริ่มต้นน้อยกว่า และดูแลรักษาและอัปเดตได้ง่ายกว่า ตัวอย่างเช่น เวอร์ชันเดียวสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นบนเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ที่ทันสมัยทั้งหมด จึงไม่จำเป็นต้องสร้างเวอร์ชันซ้ำหลายเวอร์ชันสำหรับแพลตฟอร์มเบราว์เซอร์ที่แตกต่างกัน
ประเภทของเทคโนโลยีเว็บแอปพลิเคชั่น
เทคโนโลยีเว็บแอปพลิเคชั่น สามารถแบ่งออกได้หลักๆ 6 อย่าง ดังนี้
- ส่วนหน้าบ้าน หรือ FrontEnd
- ส่วนหลังบ้าน หรือ BackEnd
- Full Stack
- เว็บเซอร์เวอร์ และโฮสติ้ง
- โปรโตคอลและมาตราฐานเว็บ
- เครื่องมือและยูทิลิตี้สำหรับการพัฒนา
โปรโตคอลเว็บแอปพลิเคชั่น (Web Application Protocol)
โปรโตคอลเว็บเป็นกฎและมาตรฐานที่ควบคุมวิธีการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต โปรโตคอลเว็บที่สำคัญ ได้แก่:
- HTTP (Hypertext Transfer Protocol) เป็นจุดเริ่มต้นของรากฐานสำหรับการสื่อสารข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในรูปแบบ WWW(World Wide Web)
- HTTPS (HTTP Secure):เวอร์ชันเข้ารหัสของ HTTP ซึ่งให้การสื่อสารที่ปลอดภัยบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- WebSocket:โปรโตคอลที่เปิดใช้งานช่องทางการสื่อสารแบบฟูลดูเพล็กซ์บนการเชื่อมต่อ TCP เดียว
- FTP (File Transfer Protocol):ใช้สำหรับการถ่ายโอนไฟล์ระหว่างคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย
- SMTP (Simple Mail Transfer Protocol):โปรโตคอลมาตรฐานสำหรับการส่งอีเมล
- POP3 (Post Office Protocol) และ IMAP (Internet Message Access Protocol):โปรโตคอลสำหรับการดึงอีเมลจากเซิร์ฟเวอร์
- DNS (Domain Name System):แปลชื่อโดเมนที่มนุษย์สามารถอ่านได้เป็นที่อยู่ IP นอกจากนี้ยังจัดการระเบียน DNSซึ่งจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับโดเมน รวมถึงการแมป IP รายละเอียดเซิร์ฟเวอร์อีเมล และการตั้งค่าการรับรองความถูกต้อง
- TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol) คือชุดโปรโตคอลพื้นฐานที่อินเทอร์เน็ตสร้างขึ้น
เทคโนโลยีมาตรฐานเว็บแอพลิเคชั่น
เทคโนโลยีเว็บมาตรฐานได้รับการนำมาใช้และรองรับอย่างแพร่หลายในเบราว์เซอร์และแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งรวมถึง:
- HTML Hypertext Markup Language
- CSS Cascading Style Sheets
- JavaScript (ECMAScript)
- WebAssembly
- Web Component
- WebGL
- WebRTC
- Service Workers
- IndexedDB
- localStorage และ sessionStorage
ภาษาในการพัฒนาเทคโนโลยีเว็บแอปพลิเคชั่นWeb Programming Languages
- HTML เป็นภาษาสำหรับสร้างเอกสารเว็บหรือเนื้อหาบนเว็บ web content.
- CSS เป็นชุดคำสั่งที่ใช้สำหรับจัดวางเนื้อหา ออกแบบ และตกแต่งเอกสารหรือเนื้อหาบนเว็บ ในหน้าเว็บ (Web Page)
- JavaScript เป็นภาษาสำหรับการโต้ตอบกับผู้ใช้ผ่านการโต้ตอบหน้าเว็บเพื่อตอบสนองตามเหตุการณ์ Event เพื่อให้ทำงานผ่านบราว์ดเซอร์ Brower
- Python เป็นภาษาที่นิยมใช้สำหรับการทำงานหลังบ้าน การจัดการข้อมูล และการทำปัญญาประดิษฐ์
- PHP เป็นภาษาแรกที่ถูกใช้เพื่อให้ทำงานในส่วนของเบื้องของเว็บแอปพลิเคชั่นในฝั่งของ Server
- Ruby
- Java ข้อดูคือถ้าต้องการเว็บแอปพลิเคชั่นสามารถเพิ่มหรือขยายให้มีขนาดใหญ่ในอนาคตได้
- TypeScript
- SQL เป็นส่วนที่ใช้ในการจัดการข้อมูลและฐานข้อมูล
- Go ใช้เพื่อถ้าต้องการให้เว็บแอปพลิเคชั่นมีประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการให้บริการ
รูปแบบข้อมูลของเทคโนโลยีเว็บแอปพลิเคชั่น (Web Data)
ในเอกสารเว็บแอปพลิเคชั่นรูปแบบข้อมูลที่ถูกใช้ในการจัดการข้อมูลหรือสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเรียง การปรับเปลี่ยนรูปแบบ หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันต้องมีรูปแบบในการสื่อสารที่สามารถเข้าใจระหว่างกันได้ เว็บแอปพลิเคชั่นจึงมีรูปแบบในการใช้ ดังนี้ คือ
- JSON (JavaScript Object Notation):
- XML (eXtensible Markup Language)
- YAML (YAML Ain’t Markup Language)
- CSV (Comma-Separated Values)
- Protocol Buffers
- GraphQL
- RSS (Really Simple Syndication)
อ้างอิง
Matt Watson. Web Technologies Every Developer Must Know in 2024.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น