ปัจจุบันต้องยอมรับกันแล้วว่า เทคโนโลยีด้านดิจิทัลและด้านคอมพิวเตอร์ได้มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว จนสามารถพัฒนามาใช้งานในด้านต่างๆ หลายๆ ด้าน ด้านหนึ่งจะหยิบยกมาเพื่อสร้างความเข้าใจคือ เรื่องของ ระบบ Blockchain ที่เป็นที่นิยมกันมากอันเนื่องมาจากได้มีการประยุกต์เข้ามาในระบบการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะมีความรุ้ความเข้าใจว่า ระบบ Blockchain คืออะไร มีอะไรดี และสามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรบ้าง ด้านไหนที่ควรจะนำมาใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพกับงานนั้นๆ ดังนั้นจึงขอเรียบเรียงดังต่อไปไนี้
1. Blockchain จริงๆ แล้วคืออะไร ทุกอาจจะเข้าใจว่า Blockchain คือ BitCoin หรือเหรียญคริปโต หรือเหรียญดิจิทัล ความหมายที่แท้จริงอาจจะมีน้อยคนที่เข้าใจ หรือคนที่เข้าใจอาจจะเป็นเฉพาะผู้พัฒนาหรือผู้ใช้งานเฉพาะทางหรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
Blockchain อธิบายอย่างเข้าใจง่ายๆ คือ มี 2 คำที่ประกอบกันคือ Block กับ chain ดังนั้นเริ่มต้นจากคำว่า Block ในความหมายทั่วไปคือ กรอบ หรือ กล่อง หรืออะไรที่ก้อนเป็นก้อน ส่วนคำว่า Chain คือ ส่วนที่ร้อยของสองสิ่งเข้าด้วยกัน หรือเรียกว่า การเชื่อมโยง
- คำว่า Block น่ะที่ในความหมายของ Blockchain จะเป็นรูปแบบการจัดการข้อมูลแบบหนึ่ง หรือ เรียกว่า โครงสร้างข้อมูล Data Structure ซึ่งไม่ใช้เรื่องแปลกใหม่อะไร ก็แค่จัดโครงสร้างเพื่อเก็บข้อมูลอะไรสักอย่างหนึ่งเช่น ประวัติลูกค้า ซึ่งจะประกอบไปด้วย รหัสลูกค้า ชื่อลูกค้า ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ อีเมลล์เป็นต้น
- คำว่า Chain หรือส่วนเชื่อมโยง เรามี Block แล้ว อธิบายง่ายๆ คือ 1 Block คือ 1 ชุดข้อมูลของประวัติลูกค้า ในกรณีที่เรามีหลายชุดข้อมูล เราก็จะมี Block เพิ่มขึ้นอีกหลายๆ Block เมื่อเราต้องการที่จะเก็บประวัติลูกค้าทั้งหมดไว้ที่เดียวกัน เราจำเป็นต้องจัดการ block หลายนี้ให้สามารถที่จะเข้าไปใช้งานได้ง่าย เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาก็หาได้เร็ว สามารถหยิบไปใช้งานได้เลย เพื่อความง่ายและรวดเร็ว ดังนั้น chain จึงมีหน้าที่ในการเชื่อมโยง Block หลายนี้เข้าด้วยกัน เอาแค่นี้ก่อน
เมื่อเราได้ โครงสร้างข้อมูล Block และส่วนของการเชื่อมโยง chain เพื่อความปลอดภัยของการเก็บข้อมูลจึงจำเป็นจะต้องมีกระบวนการเข้ารหัส โดย Blockchain จะมีการเข้ารหัสในส่วนของ chain หรือส่วนเชื่อมโยง โดยให้วิธีการเข้ารหัส hash ที่ส่วนของ Chain หรือการเชื่อมโยง เพื่อป้องกันการถูกแก้ไข ต่อไป
เมื่อเรามีโครงสร้างข้อมูล Block และเรามีส่วนเชื่อมโยงคือ Chain แล้ว เมื่อเราต้องการนำไปใช้งาน เราจึงจำเป็นต้องจัดระบบให้เหล่านี้ให้ดี จึงเกิดเป็นระบบ Blockchain ขึ้นมา ใช้งาน
เมื่อเราได้ไช้งานระบบโครงสร้างข้อมูลนาน เราจำเป็นต้องพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่วาจะเป็นระบบการค้นหาประวัติลูกค้า ป้องกันการแก้ไข ป้องการสูญหาย หรือต้องการอะไรอีกหลายอย่าง เราจำเป็นต้องสร้างระบบเพื่อรองรับต่อ จึงเกิดเป็นระบบ Blockchain ทำเราสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างข้อมูลของเรา หรือประวัติการใช้งานข้อมูลต่างๆ
ข้อหนึ่งของ Blockchain ระบบจะไม่อนุญาตให้มีการแก้ไข ดัดแปลง ใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อป้องกันข้อมูลให้อยู่ในสภาพเดิม ในกรณีที่จะแก้ไข จะเป็นการสร้าง Block ใหม่จาก Block เดิม โดยมีการเชื่อมโยง chain เดิม ในทุกการแก้ไข เพื่อป้องกันข้อมูลเดิมให้อยู่ในสภาพเดิมตลอดเวลา
ทุกครั้งของการเกิดของ Block จะมีการทำสำเนาไว้เสมอ โดยอาจจะเก็บไว้ในเครือข่ายๆ อื่นๆ ในลักษณะ peer to peer ระหว่างเครือข่ายกัน
ถ้าในด้านการเงินจะนำ Blockchain มาใช้เพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน หรือเรียกว่า Transaction คือเป็นการถ่ายโอนข้อมูลทางการเงาานระหว่างกัน เมื่อมีการถ่ายโอนส่ิงที่ถ่ายโอนกันคือตัวเลขทางการเงิน หรือ มูลค่าที่เป็นจำนวนเงิน กระบวนการเหล่านี้จึงถูกพัฒนาเป็นคริปโต หรือเหรียกว่า Cryptocurrency และถูกนำมาใช้แทนมูลค่าที่เกิดขึ้นภายใต้ระบบการเงิน
เมื่อ Cryptocurrency ถูกนำมาใช้ ซึ่งข้อกำหนดอย่างหนึ่งที่ได้พัฒนาขึ้นคือ ความน่าเชื่อถือ โดยการกำหนดมูลค่าขึ้นมา และจำเป็นจะต้องมีระบบที่ทำหน้าควบคุมดูแล Blockchain ประเภทอย่างดี ซึ่งเราอาจจะเรียกว่า ระบบเครือข่าย Blockchain ซึ่งได้ถูกพัฒนาเป็นเฉพาะทาง และมีกลไกเพื่อมารองรับธุรกรรกรมทางการเงินเหล่านี้ ด้วยระบบนี้มีต้นทุนการใช้งานค่อนข้างต่ำ จึงเป็นที่นิยม และถูกพัฒนาดีขึ้นมาเรื่อยๆ
ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนา Blockchain มาใช้งานแล้ว เช่น โครงสร้างข้อมูลใช้ Smart Contract ใช้ผ่านรูปแบบ web3.0 รองรับภาษาต่างๆ มากมาย บนเครือข่าย Blockchain truffle hardhat terra เป็นต้น
รูปแบบ web3.0 ที่เป็นที่รู้จักได้แก่ Metamask และ Wallet ต่างๆ
จนสามารถใช้งานธุรกรรมทางการเงินจริงๆ ได้แล้ว คือ การซื้อขายผ่าน web3.0 โดยใช้การเชื่อมโยงกับ Crpto Wallet ของเรา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น